Thursday, December 13, 2007

ที่ไหนเล่าจะดีเท่าบ้าน

ผมลืมบ้านหลังนี้ไปเสียนาน บ้านที่คุ้นเคย เพื่อนบ้านที่คุ้นเคย ช่วงที่ผมหายไปหลายคนคงคิดว่าผมย้ายไปอยู่ที่อื่น ย้ายไปเงียบเงียบ ไปอยู่ที่อื่นอย่างเงียบเงียบ ละเลยการติดต่อกับคนอื่นไปอย่างเงียบเงียบ วันนี้ก็กลับมาเงียบเงียบ ได้เห็นร่องรอยของหลายคนที่ทิ้งไว้อย่างเงียบเงียบ
ซึ่งผมเองก็คงทำได้เพียงขอบคุณอย่างเงียบเงียบ

ขอบคุณครับ

Sunday, April 02, 2006

กลับมาแจ้งข่าว

ขณะนี้ผมกำลังยุ่งยากใจกับปัญหาส่วนตัวนิดหน่อย

จึงต้องห่างหายไปชั่วคราว

ขอได้รับความขอบคุณ

อนารยชนโรแมนติก

ป.ล.สามารถติดตามการฝึกฝนการรับมือกับสติที่สับสนของตัวผมได้ที่ http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=stillstranger&group=1

Friday, March 17, 2006

อนารยชนโรแมนติก

เกิดอะไรขึ้นกับblogผม

Wednesday, March 01, 2006

คำถามเอาจริง

หลายวันมานี้ผมไปดูการแสดงปัญญาถกเถียงกันในเรื่องของการเมืองที่blogของอาจารย์หลายๆคน ได้เห็นทั้งปัญญาและอวิชชา ความหยาบช้าและความสุภาพ ได้ครบรสครับทั้งเมามัน ชื่นชม เห็นด้วย ไม่เห็นด้วย

และเมื่อแนะนำให้เพื่อนพ้องน้องพี่ไปติดตามก็ได้รับความคิดเห็นหลายแบบ จนเป็นประเด็นให้แลกเปลี่ยนความโง่กันเองอยู่หลายวัน(เป็นไปด้วยความถ้อยทีถ้อยอาศัยแม้จะเห็นต่าง)

และจากการพูดคุยกันก็มีคำถามยอดฮิตซึ่งผมเชื่อว่าทุกคนน่าจะเคยถูกตั้งคำถามแบบนี้มาแล้ว นั่นคือการถามว่าถ้าให้เลือกบุคคลที่ศรัทธานับถือมาพบปะพูดจาด้วย 5 คนจะเลือกใครบ้างเพราะเหตุใด (ไม่ว่าจะเป็นบุคคลที่มีชีวิตอยู่หรือเสียชีวิตไปแล้วแต่ขอยกเว้นในกรณีญาติพี่น้อง) ผมจึงได้ไอเดียมาโพสต์ต่อเพื่ออยากลองรับทราบความคิดเห็นของแต่ละคน และถ้าไม่เป็นการลำบากนักก็อยากให้ทุกท่านลองเชื้อเชิญคนอื่นๆมาช่วยกันโพสต์เพื่อจะได้เป็นการสำรวจความคิดและทัศนคติแรงบันดาลใจไปด้วยกัน


ขอบคุณครับ
อนารยชนโรแมนติก

คำตอบของผมครับ
1. พระพุทธเจ้า (ความอัศจรรย์ใจในความยิ่งใหญ่ของพระไตรปิฎก)

2. sigmund freud (การค้นใจที่น่าพิศวง)
3. แดนอรัญ แสงทอง (เงาสีขาวคือหนังสือที่อยู่กับผมเกือบทุกเวลา)
4. ....................................
5. ....................................

ป.ล. ที่เว้นไว้คือยังค้นหาอยู่นะครับ

Thursday, February 23, 2006


ความทรมานจากวิชาการที่ยากจะหยั่งถึง(ในมุมมองของคนนอนไม่หลับ)

ตั้งใจว่าจะหลับตอนตีสอง แต่ด้วยความขยัน(อย่างเสแสร้ง)จึงหยิบตำรามาอ่านอ้างอิงสักเล็กน้อยก่อนที่จะไปขอข้อมูลมาจัดเรียงเพื่อการวิเคราะห์ ก่อนที่จะเมล์ไปขอความเห็นจากอาจารย์ที่เชียงใหม่

แต่

กับดักทางวิชาการก็ค่อยๆเปิดเผยให้เห็นถึงความบกพร่องที่มีอยู่อย่างเลือดเย็น ความง่วงและความมั่นใจ(โง่โง่)ที่มีอยู่ก็ค่อยๆหายไปและยังไม่มีทีท่าว่าจะกลับมา


ในเวลานี้


ไม่ว่าจะแก้ไขขั้นตอนการทำงานอย่างไรทุกอย่างก็ดูบกพร่อง ปัญหาต่างๆก็เริ่มจะถาโถมเข้ามาทั้งที่วางแผนไว้ตอบโต้ จนต้องมาบ่นบ้าอย่างสัตว์งานทื่อทึ่มที่ไม่สามารถหลับตาพักผ่อนจากการงาน



ป.ล.
1. สถานการณ์บีบคั้นบังคับให้ผมต้องจบให้เร็วที่สุด(ภายในตุลาฯนี้)

2. ความมั่นใจโง่โง่ทำให้นอนไม่หลับ

3. บางที safety factor สูงสูงก็ไม่ช่วยอะไรเลย

4. ขอให้พรปีใหม่ในรูปเป็นพรวันใหม่ของทุกคน










Sunday, February 19, 2006

วันแห่งความเบื่อหน่ายที่ยาวนาน (ขอบ่นบ้างเถอะ)

วันนี้ตื่นมาด้วยอาการเบลอ แหกขี้ตาส่งแฟนไปบินแต่เช้า กลับมาหลับได้อีกนิดก็ต้องตื่นมาทำthesis
งง สับสน ทางเดินแห่งวิชาการ จะรีบเดินก็ไม่ได้ เดินช้าไปก็โดนก่นด่า (ทำไงได้ เข็มนาฬิกาของคนเฝ้ารอเดินเร็วกว่าของคนตั้งใจเสมอ)
ไม่อยากอยู่คนเดียวเลย 9 วันนี้คงมีเพียง internet และ text bookเ ป็นเพื่อน
ตอนนี้เป็นโรคประหลาด เบื่อคนที่ชอบสอดรู้สอดเห็นและขี้ประจบเหลือเกิน
ทำไมคนเราต้องชอบนินทาด้วย น่าเบื่อจริงๆ
ป.ล.อยากให้ทุกคนที่ผ่านมา ลองหาเพลง dust in the wind มาฟังครับ ฟังแล้วตัวเล็กดี

ขอให้ปวงท่านสุขสันต์
อนารยชนโรแมนติก

Wednesday, February 15, 2006

ในความเห็นของอนารยชนโรแมนติก

เมื่อเกิดคำถาม ความสงสัย ปัญหา หรือสิ่งใดที่ต้องมีการถกเถียง โต้แย้ง หรือเสนอความคิดเห็น สิ่งเหล่านี้จะเป็นที่มาของการใช้สติปัญญาโต้ตอบ ช่วยเหลือเพื่อทำให้ความไม่รู้หมดไป นั่นคือสิ่งดี
แต่บางสิ่งที่แอบแฝงมาและไม่สามารถปฏิเสธได้คือการพยายามโอ้อวดสิ่งที่รู้และจุดยืนของตนโดยที่ไม่สนใจหรือดูถูกวิธีของผู้อื่น ดังนั้นสิ่งที่ตามมาคือการตีรวน หลงประเด็น เชือดเฉือน ปัญหาก็ไม่ได้สะสางและก่อเกิดปัญหาใหม่


การวัดหยั่งสติปัญญาสามารถทำได้ด้วยสติปัญญาที่ถ่อมตนกว่าเท่านั้น