Thursday, February 23, 2006


ความทรมานจากวิชาการที่ยากจะหยั่งถึง(ในมุมมองของคนนอนไม่หลับ)

ตั้งใจว่าจะหลับตอนตีสอง แต่ด้วยความขยัน(อย่างเสแสร้ง)จึงหยิบตำรามาอ่านอ้างอิงสักเล็กน้อยก่อนที่จะไปขอข้อมูลมาจัดเรียงเพื่อการวิเคราะห์ ก่อนที่จะเมล์ไปขอความเห็นจากอาจารย์ที่เชียงใหม่

แต่

กับดักทางวิชาการก็ค่อยๆเปิดเผยให้เห็นถึงความบกพร่องที่มีอยู่อย่างเลือดเย็น ความง่วงและความมั่นใจ(โง่โง่)ที่มีอยู่ก็ค่อยๆหายไปและยังไม่มีทีท่าว่าจะกลับมา


ในเวลานี้


ไม่ว่าจะแก้ไขขั้นตอนการทำงานอย่างไรทุกอย่างก็ดูบกพร่อง ปัญหาต่างๆก็เริ่มจะถาโถมเข้ามาทั้งที่วางแผนไว้ตอบโต้ จนต้องมาบ่นบ้าอย่างสัตว์งานทื่อทึ่มที่ไม่สามารถหลับตาพักผ่อนจากการงาน



ป.ล.
1. สถานการณ์บีบคั้นบังคับให้ผมต้องจบให้เร็วที่สุด(ภายในตุลาฯนี้)

2. ความมั่นใจโง่โง่ทำให้นอนไม่หลับ

3. บางที safety factor สูงสูงก็ไม่ช่วยอะไรเลย

4. ขอให้พรปีใหม่ในรูปเป็นพรวันใหม่ของทุกคน










Sunday, February 19, 2006

วันแห่งความเบื่อหน่ายที่ยาวนาน (ขอบ่นบ้างเถอะ)

วันนี้ตื่นมาด้วยอาการเบลอ แหกขี้ตาส่งแฟนไปบินแต่เช้า กลับมาหลับได้อีกนิดก็ต้องตื่นมาทำthesis
งง สับสน ทางเดินแห่งวิชาการ จะรีบเดินก็ไม่ได้ เดินช้าไปก็โดนก่นด่า (ทำไงได้ เข็มนาฬิกาของคนเฝ้ารอเดินเร็วกว่าของคนตั้งใจเสมอ)
ไม่อยากอยู่คนเดียวเลย 9 วันนี้คงมีเพียง internet และ text bookเ ป็นเพื่อน
ตอนนี้เป็นโรคประหลาด เบื่อคนที่ชอบสอดรู้สอดเห็นและขี้ประจบเหลือเกิน
ทำไมคนเราต้องชอบนินทาด้วย น่าเบื่อจริงๆ
ป.ล.อยากให้ทุกคนที่ผ่านมา ลองหาเพลง dust in the wind มาฟังครับ ฟังแล้วตัวเล็กดี

ขอให้ปวงท่านสุขสันต์
อนารยชนโรแมนติก

Wednesday, February 15, 2006

ในความเห็นของอนารยชนโรแมนติก

เมื่อเกิดคำถาม ความสงสัย ปัญหา หรือสิ่งใดที่ต้องมีการถกเถียง โต้แย้ง หรือเสนอความคิดเห็น สิ่งเหล่านี้จะเป็นที่มาของการใช้สติปัญญาโต้ตอบ ช่วยเหลือเพื่อทำให้ความไม่รู้หมดไป นั่นคือสิ่งดี
แต่บางสิ่งที่แอบแฝงมาและไม่สามารถปฏิเสธได้คือการพยายามโอ้อวดสิ่งที่รู้และจุดยืนของตนโดยที่ไม่สนใจหรือดูถูกวิธีของผู้อื่น ดังนั้นสิ่งที่ตามมาคือการตีรวน หลงประเด็น เชือดเฉือน ปัญหาก็ไม่ได้สะสางและก่อเกิดปัญหาใหม่


การวัดหยั่งสติปัญญาสามารถทำได้ด้วยสติปัญญาที่ถ่อมตนกว่าเท่านั้น

Monday, February 13, 2006

"ชวย หัวควน" พ่อแกตายแล้ว

วันนี้ คุณกนกพงศ์ สงสมพันธุ์ ได้ลาโลกนี้ไปแล้ว ผมว่าแกก็คงไปเขียนหนังสืออีกนั่นแหละ ชาตินี้แกมีลูกชื่อชวย หัวควน ที่แกตั้งชื่อขึ้นมาด้วยรักและหมั่นไส้ ด้วยชื่อลูกแกนี่แหละ ด้วยตัวอักษรไม่กี่ตัวนี้แหละ ความชื่นชมในตัวแกก็มากขึ้น ด้วยอารมณ์ขันแบบนี้แหละคนถึงชอบแก และด้วยเหตุผลนี้แหละผมถึงเขียนถึงแก
วันนี้ที่บ้านผม โลกนี้ ได้มี นาย มวย หัวแค้ว ชายคนที่เคยมีคนรักมากมายแต่ลืมตัว และจนบัดนี้มันก็ยังไมรู้ตัว มันยังหน้าด้านอยู่ แถมมันยังหลอกตัวเองอีกต่างหาก แต่คนอย่างมันอยู่ก็เหมือนตาย เพราะไม่มีใครอยากให้มันอยู่ และสิ่งเหล่านี้จะเป็นอยู่ตลอดไป
คนสองคน คนหนึ่งอยู่คนหนึ่งไป คนหนึ่งมีอาลัย คนหนึ่งมากสาปแช่ง

Saturday, February 11, 2006

กูเกลียดมึง

คนเหนือชื่อใต้ ใจหมา
คนชื่อทองหัวหมอ ใจหมา
คนที่คุณก็รู้แต่ทำอะไรมันไม่ได้ ใจหมา
ขอโทษที่หยาบคาย
กูเกลียดพวกมึง
ป.ล. มาร่วมด้วยช่วยกันเกลียดนะครับ.........................ขอบคุณ

Tuesday, February 07, 2006

การกลับมาของวิศวกรชั้นสวะ

ในที่สุดผมก็หนีไม่พ้น คงต้องใช้วิชาที่ร่ำเรียนมาออกหากินอีกครั้ง นายช่างชั้นสวะกับความอดทนที่ไม่เคยจะมีเพิ่มขึ้นเลย บางคราวก็ถดถอยไปด้วยซ้ำ แต่นายจ้างครับคราวนี้ผมกลับมาแบบฉลาดขึ้นนะครับ........... ขอเงินเพิ่มหน่อยนา
ปล.ผมกำลังเก็บเงินแต่งงาน