Wednesday, January 18, 2006

เรื่องรักเมื่อเก่าก่อน


เรื่องรัก นครศรีฯ


นครศรีฯเคร่งเครียดกับการครุ่นคิด การถอนหายใจบ่อยครั้งไม่ได้ช่วยอะไร แต่นครศรีฯก็ยังถอนหายใจไปเรื่อยๆ ปัญหาหนักอกของนครศรีฯอาจจะเป็นเพียงเรื่องเล็ก ไร้สาระสำหรับใครหลายคน แต่ปัญหารูปแบบนี้ก็เป็นปัญหาที่ยิ่งใหญ่สำหรับใครอีกหลายคนอีกเหมือนกัน ปัญหาของนครศรีฯเป็นปัญหาเรื่องความรักและเป็นปัญหาที่อยู่ในหมวดหมู่ของการไม่อยากแอบรักอีกต่อไป
นครศรีฯลาออกจากการเป็นสถาปนิกของบริษัทเล็กๆ เพื่อมาเปิดร้านเช่าหนังสือเล็กๆตามความฝันเล็กๆ เพื่อจะเป็นรากฐานของความฝันใหญ่ๆในการเปิดร้านหนังสือขายและเช่า7ชั้น ตามแรงบันดาลใจที่ได้รู้ว่าหนึ่งประเทศในทวีปเอเชีย มี Tower Record ขนาดตึก7ชั้น นครศรีฯเลือกทำเลของร้านในแหล่งชุมชนละแวกใกล้เคียงกับมหาวิทยาลัยเปิดและมหาวิทยาลัยเอกชนนานาชาติในเมืองหลวง เพราะนครศรีฯอยากรับรู้ถึงตัวตนของคนรุ่นใหม่ผ่านหนังสือที่พวกเขาเหล่านั้นให้ความสนใจ ร้านหนังสือของนครศรีฯเปิดเพลงแจ๊สทั้งวัน และเต็มไปด้วยการ์ตูน พ๊อคเก้ตบุ๊คตามสมัยนิยม นิตยสารบันเทิง และวรรณกรรมร่วมสมัย
มีเกมอยู่หนึ่งเกมที่นครศรีฯกำหนดกติกาขึ้นมาเพื่อความสนุกสนานในเวลาของการทำงานตั้งแต่เที่ยงวันถึงเที่ยงคืน เกมที่ว่านั้นก็คือ จะมีลูกค้าคนใดบ้างที่หยิบงานวรรณกรรมที่นครศรีฯชื่นชมขึ้นมาเปิดดูและเช่ากลับไปด้วย แต่เกมที่นครศรีฯตั้งกติกาขึ้นมาเองนี้ นครศรีฯก็มักจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้เรื่อยไป
วันนั้นเป็นวันที่ไม่ค่อยสดใส ทั้งอากาศและอารมณ์ของนครศรีฯที่ขุ่นมัวจากการจราจร วันนั้นเป็นวันที่สิบหก แต่ไม่ใช่วันที่สิบหกของเดือน แต่เป็นวันที่สิบหกของการรอคอยว่าจะมีใครมาทำให้นครศรีฯพบชัยชนะในเกมของตนเองได้บ้างหรือไม่ เพราะสิบห้าวันที่ยาวนานผ่านมาเป็นสถิติสูงสุดแล้วของการพ่ายแพ้ติดต่อกันของนครศรีฯ
บ่ายสองสิบห้านาทีอาจจะคลาดเคลื่อนบ้าง ขณะที่เครื่องเล่นซีดีส่งสัญญาณจากคนอีกยุคที่อยู่ห่างไกล แต่ยังส่งอิทธิพลทางจิตวิญญาณผ่านเครื่องดนตรี ผ่านเครื่องเล่นไฟฟ้าเพื่อขับไล่ความเงียบ ความพ่ายแพ้ที่แสนยาวนานของนครศรีฯก็จบลง
นครศรีฯเป็นโสดเพราะชอบซุกซ่อนตัวเองอยู่หลังตัวหนังสือและเสียงดนตรี คนรักหลายคนจากนครศรีฯไปเพราะเบื่อการหมกมุ่นกับการอ่านและการฟังเพลงของนครศรีฯ หนึ่งในหลายคนของคนรักที่ผ่านมาของนครศรีฯเคยพูดว่า “ คุณอ่านหนังสือมากและฟังเพลงมากจนเข้าใจยากเกินไป” และอีกหนึ่งในหลายคนก็เคยพูดว่า” ฉันไม่ได้มาสยามฯเพื่อรอคุณเลือกซีดีและเลือกหนังสือนะ ลาก่อน ” ชัยชนะของนครศรีฯเกิดขึ้นเมื่อเชียงรายยื่นหนังสือวรรณกรรมต่างประเทศเล่มหนึ่งมาที่โต๊ะและถามถึงราคาเช่า และเมื่อนครศรีฯบอกถึงกฎระเบียบและราคาเช่าไป เชียงรายก็หยิบเงินมาจ่ายและพูดกับนครศรีฯว่า” เพลงเพราะดีนะคะ”
และผ่านไปอีกหลายครั้งสำหรับความพ่ายแพ้ของนครศรีฯ แต่ผู้เล่นเกมคนสำคัญเช่นเชียงรายก็ยังมาคอยช่วยให้นครศรีฯรู้จักคำว่าชนะในเกมที่ตั้งขึ้นมาเองเป็นครั้งคราว แต่ละครั้งที่เชียงรายเดินเข้ามาในร้าน เชียงรายก็มักจะหยิบหนังสือที่นครศรีฯชื่นชมติดมือไปทุกครั้ง
นครศรีฯเคยสอบถามเชียงรายหลายครั้งเกี่ยวกับความเห็นของเชียงรายหลังจากที่เชียงรายเอาหนังสือมาคืน แต่ก็ไม่เคยมีคำตอบอะไรที่มากไปกว่ารอยยิ้มและคำพูดเดิมๆที่ว่า”ชอบค่ะ” และพักหลังๆโดยไม่รู้ตัว นครศรีฯมักจะรอคอยการมาของเชียงราย
นครศรีฯมักจะสังเกตลูกค้าในร้านจากวิถีชีวิต จากการแต่งตัว และเวลาที่ลูกค้าเข้าร้าน รวมไปถึงการคาดเดาถึงอาชีพของลูกค้า มีลูกค้าประจำหลายรายที่บางครั้งก็มาพูดคุยกับนครศรีฯเรื่องการเมือง และเรื่องความเป็นไปของชุมชน แต่นครศรีฯไม่เคยคาดเดาได้ว่าเชียงรายประกอบอาชีพอะไร เพราะเชียงรายไม่เคยเข้าร้านเป็นเวลา ไม่เคยแต่งตัวที่สามารถบ่งบอกถึงอาชีพและไม่เคยพูดกับนครศรีฯมากไปกว่าคำทักทาย การสอบถามราคาหนังสือและการตอบคำถามด้วยคำพูดเดิมๆ
นครศรีฯเองก็ไม่รู้ว่าเริ่มชอบเชียงรายเมื่อใด แต่นครศรีฯเริ่มบันทึกเวลาที่เข้ามาร้านของเชียงรายและเวลาที่หายไปของเชียงราย รวมไปถึงค่าเช่าและค่าปรับที่ได้จากเชียงรายเป็นสถิติ บางครั้งก็มักจะถามตัวเองว่าหมกมุ่นไปรึเปล่า แต่นครศรีฯก็ยังคงทำตัวเป็นนักสถิติอยู่เรื่อยไป จนนครศรีฯเริ่มรู้ว่าเวลาที่เชียงรายหายไปจะหายไปเป็นช่วงเวลาที่เท่ากันเช่น ครั้งละ3วัน ครั้งละ5วัน ครั้งละ9วัน หรือบางครั้งก็12วัน แต่วันเวลาเหล่านี้ก็หมุนเวียนกันไปไม่เป็นรูปแบบตายตัว นครศรีฯจึงต้องคอยลุ้นอยู่เรื่อยไปว่าเมื่อใดเชียงรายจะมาที่ร้าน
จากสถิติที่เพิ่มขึ้นและการรอคอยที่เพิ่มขึ้น วันหนึ่งนครศรีฯก็ได้รู้เรื่องที่ข้องใจเกี่ยวกับเชียงราย อาจจะเรียกได้ว่าเป็นข้อมูลที่เพิ่มขึ้นสำหรับการแอบรัก เป็นข้อมูลที่ทำให้การล่วงรู้ถึงความเป็นไปก้าวหน้า แต่ก็เป็นข้อมูลที่ทำให้ความหวังของนครศรีฯถอยหลังอีกเช่นกัน วันนั้นเป็นวันที่เชียงรายมาที่ร้านหลังจากที่หายไป9วัน นครศรีฯเก็บอาการดีใจไว้แทบไม่อยู่ หลังจากที่เชียงรายเลือกหนังสือและออกไปจากร้าน ลูกค้าคนหนึ่งของนครศรีฯก็พูดขึ้นว่า” น่ารักดีนะพี่ เป็นแอร์โฮสเตสด้วยนะคนนี้” และเมื่อนครศรีฯเลียบเคียงถามไป ข้อมูลมากมายของเชียงรายก็ออกจากปากของลูกค้าประจำ จนทำให้สถิติที่เก็บไว้อย่างมากมายและยาวนานของนครศรีฯก็กลายเป็นสิ่งเปล่าประโยชน์ไปแทบจะทันที
หลังจากที่ได้รู้ข้อมูล นครศรีฯก็เริ่มรู้สึกว่าเชียงรายเป็นความฝันที่อยู่ไกล เพราะก่อนหน้านี้นครศรีฯเองก็ไม่รู้อยู่แล้วว่าจะเข้าไปทำความรู้จักกับเชียงรายให้มากขึ้นได้อย่างไร และยิ่งได้รับรู้ข้อมูลที่เพิ่มขึ้นก็ยิ่งเหมือนกับระยะทางก็ยิ่งห่างไกล
สำหรับนครศรีฯแล้ว การให้คะแนนเชียงรายจากข้อมูลและสถิติที่มีอยู่ เชียงรายได้คะแนนเกือบจะเต็ม แต่สำหรับเชียงรายแล้ว นครศรีฯคงจะไม่มีคะแนน เพราะเชียงรายรับรู้เพียงแค่ว่านครศรีฯเป็นเจ้าของร้านหนังสือเช่าคนหนึ่ง เมื่อคิดได้ดังนี้แล้ว นครศรีฯจึงคิดที่จะเลิกหวัง
สิ่งที่นครศรีฯมักจะทำเสมอในเวลาว่างก็คือการเลือกและจัดอันดับเพลงที่เหมาะกับโอกาสต่างๆ นครศรีฯเคยแม้กระทั่งเลือกและจัดอันดับเพลงให้กับงานเขียนและนักเขียนที่ตนชื่นชอบ แต่ในช่วงหลังๆนี้ นครศรีฯมักจะเลือกและจัดอันดับเพลงให้เข้ากับหนังสือที่เชียงรายเช่าและเวลาที่เชียงรายหายไป นครศรีฯคิดว่านี่คงจะเป็นสิ่งที่สามารถแสดงออกได้ดีที่สุดสำหรับการแอบรัก
เหตุการณ์แอบรักของนครศรีฯคงจะดำเนินอยู่อย่างนี้เรื่อยไปหากไม่ใช่เพราะวันนั้นเชียงรายเลือกหยิบหนังสือเล่มนั้นลงมาจากชั้น หนังสือเล่มที่นครศรีฯชื่นชอบและมีความหลังฝังใจอยู่มากมาย นครศรีฯจัดหนังสือเล่มนั้นไว้ในระดับสายตาของชั้นวรรณกรรมแปลต่างประเทศ เพราะนครศรีฯอยากให้มีใครสักคนหยิบหนังสือเล่มนั้นขึ้นมาอ่าน แต่หนังสือเล่มนั้นก็เป็นหนังสือที่อยู่ในระดับสายตาที่ใครหลายคนผ่านเลยไป หนังสือเล่มนั้นเป็นหนังสือที่กล่าวถึงการรอคอยที่เดียวดายและยาวนาน ขณะที่เชียงรายหยิบหนังสือเล่มนั้น นครศรีฯรู้สึกราวกับว่า หนึ่งปีมีถึงพันวัน ทุกอย่างเชื่องช้า แจ่มชัด ช่วงเวลาที่เชียงรายเดินจากชั้นหนังสือมาที่โต๊ะ เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่นครศรีฯเอื้อมมือลงไปหยิบซีดีอันดับเพลงแอบรักทั้งหมดข้างๆโต๊ะ นครศรีฯบอกกับตัวเองว่าคะแนนเต็มแล้ว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น นครศรีฯจะต้องแสดงออกให้เชียงรายรับรู้ถึงความรู้สึกของตนให้จงได้ หัวใจของนครศรีฯพองโตและฮึกเหิม ในหูราวกับมีเสียงเพลงที่ไม่แน่ใจว่าเป็นเพลงวิวาห์หรือเพลงศพดังแว่วอยู่ไกลไกล
หมายเหตุ sound track
- the girl from ipanema ( lisa ono )
- air on the g string ( johan sebastian bach )
- waiting for the girl like you ( foreigner )
- what a difference a day made ( diahna washington )
- why does my heart feel so bad ( moby )
- the blower ‘s daughter ( damien rice )
- perfect day ( lou reed )
- requiem ( mozart )
- better man ( robbie williams )
- all my life ( kci&jojo )

Thursday, January 12, 2006

โซนาตาของถ้อยคำ

วันนี้เป็นวันแรกของบ้านหลังใหม่(blog) ผมต้องอยู่คนเดียวมา4วันแล้ว เพราะวาทยากรส่วนตัวของผมไปทำงานยังไม่กลับ ยังดีนะครับที่คราวนี้ไปแค่ 5 วัน แต่ที่แย่คือเดือนนี้ทั้งเดือนผมมีโอกาสเจอหน้าเธอแค่ 4 วัน และยังมีที่แย่กว่าคือ 2 ใน 4 วันผ่านไปแล้ว
เมื่อวานซืนผมไปที่ตลาดซันเดย์เพื่อซื้อตู้ปลามาแก้เคล็ดความใจร้อน(ตามคำแนะนำของผู้มีวิชาส่วนตัว) อากาศร้อนมากครับ ตั้งใจจะไปซื้อปลาตะเพียนแต่กลับได้ปลาหมอสีมาแทน มิน่าล่ะผมถึงเรียนหนังสือไม่ค่อยเก่ง
เมื่อวานนี้ผมทิ้งให้น้องชายของวาทยากรของผมดูแลร้านแทน ไปเที่ยวเล่นที่ร้านหนังสือมือสองละแวกถนนรามคำแหงเพื่อไปตามหาหนังสือเรียนและหนังสือที่อยากอ่านเป็นพิเศษ(แพลทธอโร)แต่ก็ได้หนังสืออื่นมาแทน(นี่ก็เป็นการยืนยันถึงเหตุผลที่ผมเรียนหนังสือไม่เก่งอีกครั้ง)
เป็นเพราะหนังสือที่ผมอยากได้ไม่มีผมก็เลยได้หนังสือเหล่านี้มาแทน ถ้าใครมาผ่านมาเจอและเคยอ่านหนังสือเหล่านี้แล้วก็ขอความเห็นกันบ้างนะครับ
1. จากดวงใจ-คีตกร จ.มงคลขจร
2. กลยุทธ์พิสดารในการบ่มเพาะคนญี่ปุ่น-นากาโมริ ชิเกโนบุ เขียน/ธานี ปิติสุข แปล
3. ฮวงจุ้ย-ศราณี อารีย์ราช เรียบเรียง
4. ร้อยพันปํญหาในงานก่อสร้าง1-2-ยอดเยี่ยม เทพธรานนท์
5. เต๋าแห่งรักและกามารมณ์-โจลาน ชาง เขียน/หยินหยาง แปล
6. เหตุเกิดเพราะวิสกี้ในคืนวันเสาร์-โดม วุฒิชัย
7.สิงห์สนามหลวงตอบปัญหาชีวิตและวรรณกรรม 2-สุชาติ สวัสดิ์ศรี (ช่วยด้วย อยากได้เล่ม 1)
นี่แหละครับรายงานการทิ้งงานไปสนองความอยากส่วนตัวของผม ถ้าใครมีคำแนะนำสำหรับหนังสืออ่านเสริมก็รบกวนช่วยแนะนำด้วยนะครับ ผมจะได้เรียนเก่งกว่านี้
และหลังจากที่กลับมาที่ร้านก็ได้มาคุยกับลูกค้าที่เริ่มจะกลายมาเป็นเพื่อนกัน คือเค้าคนนี้เป็นแกนนำของวงดนตรีที่สังกัดอยู่กับค่ายใหญ่ย่านอโศก ก็มานั่งคุยกันเรื่องวีถีและวิธีที่ค่ายปฏิบัตฺต่อนักดนตรีและวิถีของการกลืนค่ายเล็ก และจากการพูดคุยนี้จึงได้รู้ว่าเพื่อนผมคนนี้ตอนนี้กำลังคิดสร้างค่ายเป็นของตัวเอง ผมก็เลยเร่งยุเค้าและบอกเค้าไปด้วยว่าเอาเลย ถ้ายังไงเราจะขอหุ้นด้วยเพราะในใจผมก็รักดนตรีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว(ว่าแต่ว่าจะไปหาเงินที่ไหนล่ะเนี่ย)
เป็นยังไงกันบ้างครับเมื่ออ่านกันมาจนบรรทัดนี้แล้ว นี่เป็นโซนาตาที่รอให้ใครหลายคนผ่านเข้ามาช่วยติเตียน ตกแต่ง ต่อเติม ให้สอดคล้องกันไปเพื่อให้เป็นซิมโฟนีทางความคิดต่อไป
ช่วยกันนะครับแล้วความเดียวดายจะจางไป......
ปล. หนังสือในรายการที่ 5. ซื้อเพราะแรงบันดาลใจจากคุณโอ๋ ซีเปีย(นิตยสารliteฉบับ พฤศจิกายน 2548)